วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีลดน้ำหนักของคิมเบอร์รี่

รวม 4 วิธีดีๆที่ทำให้ คิมเบอร์ลี่ ลดน้ำหนักได้ 20 กิโลกรัม ใครๆ ก็ทำตามได้!



     หลายคนคิดว่า สุขภาพดี เป็นเรื่องของการออกกำลังกาย ส่วน ผิวสวย เป็นเรื่องของสกินแคร์ แต่เชื่อไหมคะว่าแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดของทั้งสองอย่างก็คือ อาหาร ที่ทานในแต่ละวันนี่เองค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยควบคุมน้ำหนัก และกลายเป็นโครงสร้างผิวของเรา หากเลือกทานอาหารที่ร่างกายก็รัก ผิวก็ชอบล่ะก็ จะได้ทั้งหุ่นดีและผิวสวยมาเป็นแพ็คคู่เลยทีเดียว และหุ่นสวยๆ ของ คิม - คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีเชียวล่ะค่ะ







     จากอดีตสาวอวบหนัก 70 สู่หุ่นเพรียวหลัก 50 กิโลกรัม ต้องบอกว่าสาวคิมเธอเอาจริง ไม่ได้มาเล่นๆ! เพราะควงคู่ดาราสาว โบว์ เบญจวรรณ มาเป็นเทรนเนอร์คู่ซี้ ชวนกันออกกำลังกายตลอดๆ และยังใส่ใจกับอาหารเป็นพิเศษอีกด้วย มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเธอมักจะทานอะไร ถึงได้หน้าใสแถมหุ่นดีขนาดนี้


1.ผลไม้หลากสี
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ บรรดาผลไม้สดรสเปรี้ยวอมหวาน และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีทั้งไฟเบอร์ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ กินแล้วไม่อ้วน ไม่ว่าจะมื้อเช้าหรือมื้อของว่าง เธอก็มักจะมีผลไม้เป็นส่วนประกอบหลักค่ะ





  



หากใครหาซื้อผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ลำบากก็ไม่เป็นไร เพราะอีกสูตรของเธอก็คือ การทาน "แอปเปิ้ล"ร่วมกับอาหารไขมันต่ำเป็นประจำทุกวัน เพราะแอปเปิ้ลมีไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ ทำให้อิ่มท้องและอร่อยแบบไม่อ้วน หากใครเน้นลดน้ำหนักเราขอแนะนำให้ทานแอปเปิ้ลเขียวจะดีที่สุดเพราะมีน้ำตาลน้อยกว่าแอปเปิ้ลแดงค่ะ

2. ดื่มน้ำ
ฟังดูธรรมดาแต่หลายคนกลับดื่มน้ำน้อยเกินไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งน้ำจำเป็นมากๆ สำหรับร่างกายทั้งในแง่ของการลดน้ำหนัก คือช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยในการย่อย และในแง่ของผิวพรรณ คือช่วยดีท็อกซ์สารพิษต่างๆ และเติมความชุ่มชื่นให้ผิวใส ไร้ริ้วรอยก่อนวัยได้ยิ่งกว่าสกินแคร์ราคาแพงเสียอีก รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมดื่มน้ำกันนะคะสาวๆ

 สูตรคำนวณปริมาณน้ำที่ควรดื่มจากองค์การอนามัยโลก
น้ำหนักตัว (ก.ก.)/2 x 2.2 x30 = ......ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 5 แก้ว)
ตัวอย่าง
น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม การคำนวณคือ 50/2 x 2.2 x 30 = 1,650 ซีซี 
1,650 ซีซี  = 1.6 ลิตร 1.6 ลิตร = ประมาณ 6 แก้ว
 แต่หากเราออกกำลังกายเสียเหงื่อเยอะ ทำกิจกรรมกลางแจ้งมาก หรือแม้แต่ในวันที่อากาศแห้ง อากาศร้อน ก็สามารถดื่มมากกว่านี้ได้นะคะ 



3. เลือกทานไขมันดี
ใครที่ติดตามไอจีของเธอจะเห็นได้ว่าเธอไม่ใช่สายคลีนจ๋า แถมยังออกจะ Enjoy Eating ด้วยซ้ำไป บางมื้อเธออาจจะกินคลีนบ้าง แต่มื้ออื่นก็หมุนเวียนกันไป และ ไม่งดไขมัน ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ เพราะการลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือ ลดไขมัน แต่ไม่ใช่งดโดยสิ้นเชิง เพราะแทนที่จะดี กลับกลายเป็นทำให้ผิวเราเหี่ยว ไม่ชุ่มชื่น ดูแก่กว่าวัย แถมยังอาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติอีกด้วย 
เธอจึงเลือกทานไขมันชนิดดีจากปลา อโวคาโด และเลือกทานอาหารญี่ปุ่นที่อุดมไปด้วยของทะเลแทน  ได้ทั้งความอร่อย และได้ทั้งไขมันชนิดดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ 











และที่ขาดไม่ได้ข้อสุดท้ายนั่นก็คือ การออกกำลังกาย นั่นเองค่ะ เธอมักจะออกกำลังกายแบบผสมผสาน ทั้งยกเวทบริหารกล้ามเนื้อ (ใครว่ายกเวทจะกล้ามขึ้น ดูหุ่นเธอสิ! ผู้หญิงกล้ามขึ้นยากมากจริงๆนะคะ) ตีแบด วิ่ง ว่ายน้ำ แม้กระทั่งลุยๆ อย่างปีนหน้าผา เธอก็จัดเต็ม ซึ่งการออกกำลังกายให้หลากหลายแบบนี้ มีข้อดีก็คือ
หนึ่ง ช่วยบริหารกล้ามเนื้อได้หลายส่วน มากกว่าการออกกำลังกายซ้ำท่าเดิมๆ
สอง ช่วยให้เราไม่เบื่อจนท้อแล้วล้มเลิกไปซะก่อน
สาม ช่วยให้ร่างกายไม่เคยชินจนเกินไป จนทำให้น้ำหนักไม่ยอมลง การเติมเต็มความท้าทายใหม่ๆ เข้าไปแบบนี้จะทำให้ร่างกายของเรามีการปรับตัวอยู่เสมอ รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีขึ้นด้วยค่ะ

ปิดท้ายด้วยภาพการออกกำลังกายของเธอ ใครอยากผิวใสๆ หุ่นสวยๆ แบบคิมเบอร์ลี่ ต้องลองทำตามกันดูนะคะ :D



ที่มา http://women.truelife.com/detail/27970 (ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น)

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตารางแคลอรี่ผลไม้

ตารางแคลอรี่ผลไม้


ที่มา http://myhealthwar.blogspot.com/2015/06/blog-post_53.html 


(ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น)

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ผลไม้ ทางเลือกที่ดีของการลดน้ำหนัก





ผลไม้ ทางเลือกที่ดีของการลดน้ำหนัก

การรับประทานผลไม้เพื่อรักษาหุ่น นับเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการอดอาหารหรือกินยาลดน้ำหนัก เพราะการทานผลไม้จะทำให้เราได้รับไฟเบอร์และวิตามินซีในปริมาณพอเหมาะกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ
แอปเปิ้ล
ราชาผลไม้ลดความอ้วน ในแอปเปิ้ลมีน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวง่ายต่อการดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายในไม่ถึง 10 นาที จึงช่วยลดความอยากอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ดี อีกทั้งกากใยจากเปลือกแอปเปิ้ลยังช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายแอปเปิล 1 ลูก ยังมีแคลอรีเพียงแค่ 59 แคลอรี แถมยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย โดยเฉพาะ เพกติน มีคุณสมบัติพองตัว มันจึงเพิ่มกากใยอาหาร ดี ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยดักจับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมยังช่วยกำจัดสารพิษในร่างกายอีกด้วย การรับประทานแอปเปิ้ลเพื่อลดน้ำหนักนิยมรับประทานแทนอาหารมื้อเย็น แต่ทั้งนี้ต้องรับประทานทั้งเปลือกเพราะถ้าปลอกเปลือกออกสารอาหารสำคัญต่างๆ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย

สตรอเบอร์รี่

การกินผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมันสามารถควบคุมปริมาณแคลอรีแถมยังให้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายด้วย สตรอเบอร์รี่มีแคลอรีเพียง 50 แคลอรี และ มีน้ำตาล 7 กรัม แต่มีเส้นใยอาหารถึง 3 กรัม แต่สิ่งที่สุดยอดเกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่ (และผลเบอร์รี่ทั้งหมด) คือ มันตอบสนองความต้องการของหวานและน้ำตาลของคุณได้เป็นอย่างดี แถมยังมีสารอาหารที่น่าประทับใจอื่นๆ อีกมากมาย

มะละกอ

ในมะละกอสุกนั้นจะมีไขมันน้อยมากจนเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้และยังให้พลังงานไม่ถึง 50 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม ดังนั้นมะละกอจึงเป็นผลไม้ลดน้ำหนักอีกชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมรับประทาน

เบอร์รี่

ผลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ เต็มไปด้วนสารอาหารและมีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่นมะม่วงหรือกล้วย นั่นคือเหตุผลที่ผลเบอร์รี่มักถูกยกย่องให้เป็นผลไม้เผาผลาญไขมันที่ดี ผลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีแคลอรีต่ำแถมยังหวานแบบมีประโยชน์ เส้นใยในผลเบอร์รี่ช่วยให้อิ่มเร็ว อิ่มนาน และยังมีวิตามินแร่ธาตุ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ

แก้วมังกร

เป็นผลไม้ที่มีกากใยสูงและแคลอรีต่ำ แถมยังมีรสหวานอร่อย หลาย ๆ คน จึงเลือกรับประทานแก้วมังกรเป็นอาหารเย็น หรือทานรวมกับผักสลัดอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องห่วงว่าจะความหวานจะไปเป็นไขมันสะสมในภายหลัง และนอกจากลดน้ำหนักแล้ว ผลพลอยได้จากแก้วมังกรที่คุณสาว ๆ ไม่ควรพลาดอีกเช่นกันก็คือ แก้วมังกรเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีวิตามินซีสูงมาก ดังนั้น จึงช่วยบำรุงผิวพรรณไปในตัว แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมดีต่อคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรด้วย

ฝรั่ง

สุดยอดผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีชนิดนี้ ช่วยให้คุณลดความอ้วนได้ไม่ยาก เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ แถมยังเคี้ยวเพลินอีกต่างหาก จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่อยากกินจุบกินจิบเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว วิตามินซีในฝรั่งยังช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ไร้ริ้วรอยอีกด้วย เพราะฉะนั้น หิวครั้งหน้า ก็อย่าลืมคว้าฝรั่งมาทานแทนขนมกรุบกรอบนะคะ คำเตือนก็คือ ทานแต่ฝรั่งเปล่า ๆ เท่านั้นนะ อย่าเผลอจิ้มพริกเกลือ พริกน้ำตาล เด็ดขาด เพราะจะทำให้อ้วนได้

เกรปฟรุต

ผลไม้ที่ดีที่สุดในการลดไขมัน ช่วยให้คุณกินแคลอรีน้อยกว่าที่คุณเผาออกไป ตัวอย่างเช่น คุณกินเกรปฟรุตครึ่งลูกก่อนมื้ออาหาร จะช่วยให้น้ำหนักคุณลดลงอย่างเหลือเชื่อ นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การกินเกรปฟุตครึ่งลูกก่อนมื้ออาหารนั้น จะช่วยให้คุณลดแคลอรีได้ถึง 150 แคลอรีต่อวัน แถมเกรปฟรุตครึ่งลูกมีแคลอรีอยู่เพียง 39 แคลอรีเอง ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่กำลังลดความอ้วน

อะโวคาโด 

เป็นที่นิยมในแถบทวีปอเมริกาและยุโรป กรดไขมันในอะโวคาโดเป็ดกรดไขมันที่ดี ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโด้ จะช่วยเพื่อเผาผลาญไขมันอิ่มตัวในร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันร้ายในหลอดเลือด ทำให้โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และหัวใจวาย ลดลง มีสารอาหารสูงและหลากหลาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก




                                  ผลไม้เพิ่มน้ำหนัก!!

การอดอาหารแล้วหันมาบริโภคแต่ผลไม้นับเป็นทางเลือกที่ดี แต่ใครจะรู้ล่ะว่า "ผลไม้" ที่ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์ก็สามารถสร้างความปวดใจให้กับน้ำหนักตัวของเราได้ และใช่ว่าจะได้ผล 100% เพราะผลไม้บางชนิดนอกจากจะไม่ช่วยให้อิ่มท้องแล้วยังสามารถทำให้น้ำหนักตัวของเรามากขึ้น เนื่องจากน้ำตาลในผลไม้นั้นค่อนข้างมาก โดยความหวานที่ว่านี้จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ยิ่งไม่รับประทานข้าวซึ่งเป็นโปรตีนและผักที่เป็นไฟเบอร์เลย ร่างกายก็จะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลในผลไม้เหล่านี้ให้เป็นไขมันสะสม และนั่นจะก่อให้เกิดโรคอ้วนลงพุง ดังนั้น ก่อนจะลดน้ำหนักด้วยผลไม้จึงควรศึกษาให้ละเอียด

9 ผลไม้ที่ทำให้อ้วน!!

สำหรับผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลมากก็สังเกตได้ไม่ยาก พวกสีเหลือง ๆ รสหวานจัด ๆ
  1. ทุเรียน
  2. กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม
  3. ขนุน
  4. มะม่วงสุก
  5. เงาะ
  6. ลำไย
  7. ลองกอง
  8. ลางสาด
  9. ละมุด

กร็ดความรู้

  • น้ำผลไม้คั้น แม้จะไม่ใส่น้ำตาล แต่แท้จริงแล้วก็มีน้ำตาลธรรมชาติจำนวนมาก ซึ่งถ้าดื่มแล้วไม่ออกกำลังเผาผลาญทิ้งไป ก็อาจทำให้อ้วนมากกว่าการดื่มนมจืดขาดมันเนยเสียอีก
  • การที่เราเลือกรับประทานผลไม้จืดหรือเปรี้ยวแทนอาหาร 1 มื้อ เช่น กล้วย ฝรั่ง แอปเปิ้ล แก้วมังกร หรือสับปะรด นับเป็นวิธีการที่ผิดอย่างร้ายแรง
  • การรับประทานมะม่วงสุก 3 ลูก จะเทียบเท่ากับการให้พลังงานประมาณข้าวขาหมู 1 จาน หรือถ้าเปลี่ยนจากข้าวมาเป็นผลไม้อย่าง ฝรั่ง หรือมะม่วง ก็เท่ากับรับประทานแป้งเหมือนเดิม แต่มีน้ำตาลมากกว่า
  • ปริมาณน้ำตาลที่นักโภชนาการแนะนำให้รับประทานต่อวันคือ ไม่ควรเกิน 4 ช้อนชาสำหรับเด็ก และ 6 ช้อนชาสำหรับผู้ใหญ่
  • หากเราดื่มน้ำผัก-ผลไม้รวมพร้อมดื่ม 1 แก้ว หรือประมาณ 200 มิลลิลิตร เราจะได้น้ำตาลประมาณ 4 ช้อนชา ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อรวมกับอาหารทั้งวันที่รับประทาน 

เพียงแค่สาวๆ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานผักผลไม้ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้สาวๆก็จะมีสุขภาพที่ดี อีกทั้งผิวพรรณยังเปร่งปรั่งอีกด้วยนะคะ ^________________^ 


ที่มา : medicthai.com/อาหารเพื่อสุขภาพ (ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น)